ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ
บาเยิร์น มิวนิค (2, เยอรมัน) -vs- เชลซี (6, อังกฤษ) ... (01.45 น.)
สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า
ราคาบอล : บาเยิร์น ต่อ ครึ่งควบลูกลบห้า

ผู้ตัดสิน : เปโดร การ์เซีย โปรเอนก้า (โปรตุเกส)

ผลการพบกันของทั้งสองทีม
12/04/05  บาเยิร์น ชนะ เชลซี    3 - 2
06/04/05  เชลซี ชนะ บาเยิร์น      4 - 2

ผลงานเกมเหย้าที่ผ่านมาในรายการนี้ของ บาเยิร์น
03/11/11 ชนะ นาโปลี    3-2
23/11/11 ชนะ บียาร์เรอัล    3-1
14/03/12 ชนะ บาเซิ่ล    7-0
04/04/12 ชนะ มาร์กเซย    2-0
18/04/12 ชนะ เรอัล มาดริด     2-1
*บาเยิร์นครองสถิติเกมเหย้าสุดโหด เพราะสามารถหยิบชัยที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ถึง 14 จาก 16 เกมหลังสุดในรายการนี้และเรื่องบังเอิญคือ 2 นัดที่ตกหล่นไปนั้นดันเป็นการพลาดท่าให้ อินเตอร์ สองครั้งสองครา
*ค่าเฉลี่ยของการผลิตสกอร์ในบ้านของ "เสือใต้" เป็นที่น่าสะพรึงกลัว เพราะ 11 นัดล่าสุด พวกเขาสอยตาข่ายคู่แข่งมาฝากกองเชียร์ได้นัดละ 2 เม็ดเป็นอย่างน้อย

ผลงานเกมเยือนที่ผ่านมาในรายการนี้ของ เชลซี
02/11/11 เสมอ เกงค์    1-1
24/11/11 แพ้ เลเวอร์คูเซ่น    1-2
22/02/12 แพ้ นาโปลี    1-3
28/03/12 ชนะ เบนฟิก้า    1-0
25/04/12 เสมอ บาร์เซโลน่า    2-2
*ชัยชนะเหนือ เบนฟิก้า 1-0 ที่โปรตุเกส ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งเดียวของ เชลซี ตลอดการเล่นเกมเยือน 7 ครั้งหลังสุดในรายการนี้ (ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 3)
* ผลเสมอ บาร์เซโลน่า 2-2 ในทริปเยือนหนล่าสุดของ "สิงห์บลูส์" เป็นแมตช์แรกในรอบ 7 นัดที่แนวรุกลั่นสกอร์นอกบ้านได้เกิน 1 ประตู
 
ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด
บาเยิร์น
13/05/12 แพ้ ดอร์ทมุนด์    2-5 (กลาง) เดเอฟเบ โพคาล / เสมอ ... เสีย
05/05/12 ชนะ โคโลญจน์    4-1 (เยือน) ต่อ 0.75 ... บวก
28/04/12 ชนะ สตุ๊ตการ์ต    2-0 (เหย้า) ต่อ 0.75 ... บวก
26/04/12 แพ้ เรอัล มาดริด    1-2 (เยือน) แชมเปี้ยนส์ ลีก / รอง 1 ... เจ๊า
21/04/12 ชนะ เบรเมน    2-1 (เยือน) ต่อ 0.5 ... บวก
ฟอร์มเกมเหย้าในลีก - แข่ง 17 ชนะ 14 เสมอ 1 แพ้ 2 ได้ 49 เสีย 6 มี 43 แต้ม

เชลซี
13/05/12 ชนะ แบล็คเบิร์น    2-1 (เหย้า) ต่อ 1.75 ... เสีย
09/05/12 แพ้ ลิเวอร์พูล    1-4 (เยือน) รอง ปป ... เสีย
06/05/12 ชนะ ลิเวอร์พูล    2-1 (กลาง) เอฟเอ คัพ / เสมอ ... บวก
03/05/12 แพ้ นิวคาสเซิ่ล    0-2 (เหย้า) ต่อ 1.25 ... เสีย
29/04/12 ชนะ คิวพีอาร์    6-1 (เหย้า) ต่อ 1.25 ... บวก
ฟอร์มเกมเยือนในลีก - แข่ง 19 ชนะ 6 เสมอ 7 แพ้ 6 ได้ 24 เสีย 22 มี 25 แต้ม
 
ภาพรวมก่อนการแข่งขัน

    จุ๊ปป์ ไฮย์เกส เทรนเนอร์ บาเยิร์น มิวนิค มีปัญหาให้แก้ไขเพิ่มอีก 3 จุดก็คือ การติดโทษแบนของสามคีย์แมนไล่มาตั้งแต่เซนเตอร์ฮาล์ฟ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, แบ็กซ้าย ดาวิด อลาบาและกองกลางตัวเก็บบอลชั้นดีอย่าง หลุยส์ กุสตาโว่ ทำให้ต้องปรับผังตัวจริงอย่างน้อยสามจุดจากนัดพ่าย "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ เละเทะในรอบชิงดำของศึก เดเอฟเบ โพคาล เมื่อสัปดาห์ก่อน
     
    ส่วนสองผู้เล่นแนวรับทั้ง ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็นกับ เบรโน่ เจ็บเรื้อรังและไม่มีส่วนร่วมกับทีมมาพักใหญ่ก็เลยไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับแมตช์ประวัติศาสตร์คราวนี้ โดย ไฮย์เกส เตรียมแก้ลำเฉพาะหน้าด้วยการส่ง อนาโตลี ติมอสชุค แข้งตัวเก๋าของ ยูเครน ทีมเจ้าภาพร่วมศึก "ยูโร 2012" ลงคุมหลังบ้านคู่กับ เจอโรม บัวเต็ง ส่วนแบ็กซ้ายใช้ ดีเอโก้ คอนเทนโต้ ขัดตาทัพไปก่อน

    แดนกลางการขาด กุสตาโว่ เปิดทางให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ลงขับเคลื่อนเกมคู่กับ โทนี่ ครูส ส่วนแนวรุกในระบบ 4-2-3-1 มี ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่เตรียมลงแก้มือหลังจากนัดชิงสองปีก่อนกับ อินเตอร์ มิลาน นั้น เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศสโชคร้ายติดโทษแบน ซึ่งตัวรุกหน้าบากจะประสานงานกับ อาร์เยน ร๊อบเบนและ โธมัส มุลเลอร์ โดยมี มาริโอ โกเมซ คอยปิดสกอร์

    ทางด้าน เชลซี ภายใต้การคุมทัพของกุนซือรักษาการอย่าง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่ฝ่ากระแสวิจารณ์ด้วยการประเดิมฟาดแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปประดับตู้โชว์ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แล้ว ยกพลบุกเมืองเบียร์ด้วยสภาพความพร้อมที่ไม่ดีนัก เพราะในเบื้องต้นตัวแทนจากแดนผู้ดีมีนักเตะระดับกระดูกสันหลังของทีมติดโทษแบนรวดเดียวถึง 4 ราย ประกอบด้วย กัปตันทีม จอห์น เทอร์รี่, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, รามิเรสและ ราอูล ไมเรเลส

    นอกจากนั้น ดิ มัตเตโอ ต้องลุ้นให้คู่แนวรับสำรองอย่าง แกรี่ เคฮิลล์กับ ดาวิด ลุยซ์ รีดความฟิตให้ทันเวลาด้วย โดยปราการหลังวัยรุ่นทั้งสองรายเพิ่งกลับมาฝึกซ้อมแบบเต็มโปรแกรมได้เมื่อวันอังคารหลังจากที่ก่อนหน้านี้พักฟื้นไข้เดี้ยงไปราว 3-4 สัปดาห์ ส่วน ฟลอร็องต์ มาลูด้า สิงห์อีซ้ายชาวฝรั่งเศสก็พึ่งจะสลัดคราบเดี้ยงบริเวณเอ็นหลังหัวเข่าได้เช่นกัน

    ทำเอางานนี้เกมรับของ "สิงห์บลูส์" กระท่อนกระแท่นเต็มที แต่ถึงอย่างไรคาดว่าทั้ง เคฮิลล์กับ ลุยซ์ จะถูกเข็นลงเป็นคู่ปราการหลังตัวกลางในค่ำคืนนี้ เนื่องจากไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว ส่วนแดนกลางมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลงเดินเกมร่วมกับ โอบี มิเกลและ เอสเซียง ขณะที่สามประสานแนวรุกในกลยุทธ์ 4-3-3 วาง ซาโลมง กาลูกับ ฆวน มาตา คอยโจมตีจากด้านข้างและเปิดบอลให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ล่าแต้ม
 
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม, อนาโตลี ติมอสชุค, เจอโรม บัวเต็ง, ดีเอโก้ คอนเทนโต้ - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ ครูส - อาร์เยน ร๊อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ - มาริโอ โกเมซ
เชลซี (4-3-3) : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล - แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล, ไมเคิ่ล เอสเซียง - ซาโลมง กาลู, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ฆวน มาตา
 
ซอคเกอรูส์ ชี้ช่องรวย

    ปัจจัยหลาย ๆ อย่างนั้นบังเอิญมาเข้าทาง บาเยิร์น อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนอกจากที่งานนี้พลพรรค "เสือใต้" จะได้เป็นทีมแรกของหน้าประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ได้ลงล่าตำแหน่งจ้าวสโมสรยุโรปบนสนามเหย้าตัวเองแล้ว นัดนี้คู่ต่อกรอย่าง เชลซี ยังโดนตัดกำลังไปหลายส่วน โดยเฉพาะตำแหน่งคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ไม่ควรมาเป็นปัญหาในเกม "โคร-ตะ-ระ" สำคัญแบบนี้ เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วปีนี้ทีมของ ดิ มัตเตโอ ก็ไม่ได้เล่นนอกบ้านดีเป็นทุนเดิม ซ้ำร้ายแผงรุกยังห่างไกลจากคำว่า ท๊อปฟอร์ม เพราะเล่นเกมเยือน 7 นัดหลังสุดยิงเฉลี่ยแค่นัดละตุง ซึ่งสวนทางกับ บาเยิร์น ที่เฝ้ารังแล้วมักมีลูกฮึดเป็นพิเศษ ขนาดทีมเขี้ยวลากดินอย่าง เรอัล มาดริด มาแบบฟูลทีมก็ยังเอาตัวไม่รอด ดูแล้วนาทีนี้ เชลซี เป็นรองเยอะทั้งภาพรวมในสนามและโชคชะตา จึงคาดการณ์ว่า "ดรีมไฟนั่ล" งวดนี้ชาวลอนดอนเนอร์สก็คงต้องฝันค้างไปอีกปี
 
เดิมพันน่าสนใจ : "ต่อ บาเยิร์น ครึ่งควบลูกลบน้ำ"
ระดับความมั่นใจ : "9/10"
ผลบอลที่คาด : บาเยิร์น  3-1  เชลซี

          แมตช์หยุดโลกหนนี้ สถานการณ์ดูเป็นใจให้กับ พลพรรค "เสือใต้" เสียเหลือเกิน เพราะนอกจากจะได้ดวลเกือกใน อัลลิอันซ์ อารีน่า รังเหย้าที่ บาเยิร์น ปูพรมใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ด้วยการกวาดชัยตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนมาถึงบั้นปลายทัวร์นาเมนต์ 7 นัดรวด ค่าเฉลี่ยประตูได้ต่อเกมยังสูงถึง 3 ลูกต่อเกมอีกต่างหาก เชื่อเหลือเกินว่า "จะใหญ่มาจากไหนแต่มาเล่นในแมตช์สำคัญกับทีมที่มีตัวเลขแบบนี้ ยังไงก็ต้องมีประหม่าให้เห็นเหมือนกัน"

          ขณะที่ในแง่ความพร้อม บาเยิร์น ที่เสียกองหลังตัวหลักไปสองราย น่าจะถูกทดแทนด้วยประสบการณ์ที่คุ้นเคยในเกมระดับโคตรแมตช์แบบนี้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงกันข้ามกับทีมจากลอนดอนที่ความเก๋าเป็นรองแบบสุดกู่และยังมาขาดตัวหลักไปหลายราย โดยเฉพาะแนวรับทั้งสี่ตัว มีแต่ แอชลี่ย์ โคล ที่พึ่งพาได้ ที่เหลือก็เป็นบ่อน้ำมันดีๆนี้เอง มาเจอกับตัวริมเส้นเขี้ยวๆอย่าง ริเบรี่ และ ร๊อบเบน ที่กำลังท็อปฟอร์ม คงเอาไม่อยู่แน่ จากที่ว่ามาทั้งหมด บาเยิร์น จะยิงไม่ได้สักลูกให้มันรู้ไป
 

ผลที่คาด : บาเยิร์น ชนะ 2-0 

      
   
  
    

 ผลบอลที่คาด : บาเยิร์น ทุบ 3-1

     "สิงห์บลู" มีเรื่องให้ต้องปวดหัวมากมาย เพราะนอกจากสองเซ็นเตอร์ตัวหลักจะติดโทษแบน สองตัวเสริมที่จะลงทำหน้าที่แทนอย่าง ดาวิด ลุยซ์ และ แกรี่ เคฮิลล์ ก็เพิ่งหายเจ็บกลับมา สภาพร่างกายยังไม่ฟิตเต็มที่แน่นอน ในขณะเดียวกัน แนวรุกของ "เสือใต้" ในยามที่เล่นในถ้ำนั้นขย้ำคู่ต่อสู้ไม่เลือกหน้า สอยตาข่ายผู้มาเยือนได้ถึง 17 เม็ดจาก 5 นัดหลังที่เล่นในยูซีแอล คิดแล้วน่าเป็นห่วงแทนแนวรับทีมตัวแทนจากอังกฤษจริงๆ

     อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาพความพร้อมจะมีปัญหา แต่สภาพจิตใจหายห่วง โรแบร์โต้ ดิมัตเตโอ ได้ใจนักเตะมากกว่าสมัยที่มี โบอาส เป็นนายใหญ่ เชลซี ยุคนี้เล่นด้วยแท็คติกมากกว่าความสามารถเฉพาะตัว โผรายชื่อ 11 ตัวจริงอาจดูเป็นรอง แต่หากจะเทียบชื่อชั้นกันตัวต่อตัวก็ไม่ได้แตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ ใครจะกล้าพูดว่า นักเตะอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา อ่อนกว่า มาริโอ โกเมซ และที่สำคัญ ผมให้เครดิตค่อนข้างมากกับการที่ เชลซี ฝ่าด่านอรหันต์ในรอบรองฯมาได้ หากลูกทีมของ ดิมัตเตโอ เล่นอย่างมีวินัยอย่างเกมที่ดวลกับ บาร์ซ่า เชื่อว่า 90 นาที ทีมจากลอนดอน "เอาอยู่"

สกอร์ที่คาด : เสมอในเวลา 1-1

 


           ผมไม่ได้เป็นแฟนเสือใต้ แต่ความรู้สึกแรกบอกเลยว่าเกมนี้ต้องพี่เสือ การที่เชลซี ผ่าน บาร์ซ่า มาถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เราเห็นชัดว่าเกมรับของ เชลซี ก็ไม่ได้แกร่งแพ็คแน่น แต่ตั๋วรอบชิงต้องยอมรับเลยว่ามาจากความไม่เด็ดขาดเองของบาร์ซ่า บวกกับเทพีแห่งโชคเข้าข้างสิงห์บลูส์ อย่างไรก็ตามค่าผ่านทางครั้งนี้ทีมต้องจ่ายงามสังเวยกำลังหลักไปพร้อมกับถึง 4 รายซึ่งเสียหายสุดๆ ขณะที่ บาเยิร์น ชนะผ่าน เรอัล มาดริด มาด้วย "ฝีมือ" ทีมตกเป็นรองราชันและมีทีท่าว่าจะตกรอบแบบชิลๆ แต่ที่ไหนได้ลูกทีมของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส งัดศักยภาพระดับท็อปออกมาสู้จนต้องไปดวลยาวถึงฏีกาก่อนอาศัยใจที่นิ่งกว่าเบียดเข้าชิงมาได้ 

        เกมโดยรวมของเสือใต้วันนั้นถือว่าดีมากโดยเฉพาะเกมรุกที่มีโอกาสปิดสกอร์หลายครั้งถ้าพ่อมาริโอ้ไม่เหว๋อไปเอง ส่วนตัวผู้เล่นที่ บาเยิร์น ต้องเสียไปถือว่าน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับเชลซี เกมริมเส้นที่โดดเด่นของบาเยิร์นจะสร้างปัญหาอย่างมากให้กับแบ็กเชลซีทั้งสองฝั่งอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่กลางรับเกมนี้พูดตรงๆเลยว่า ระดับชั้นบอลของ โอบี มิเกล ยังไม่เจ๋งพอที่จะมายืนคุมห้องเครื่อง แม้จะมี เอสเซียง มาช่วยงาน แต่มิดฟิลด์กาน่าก็ไมได้อยู่ในช่วงพีค ไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะรับมือไหว วันนี้เล่นสนามกลางก็จริง แต่ อัลลิอันซ์ อารีน่า คือสนามเหย้าของเสือใต้ ดังนั้นพูดได้เต็มปากเลยว่านี่เป็นเกมเหย้าของบาเยิร์น ราคาครึ่งควบ อาจจะดูมากไปสำหรับเกมนัดชิง แต่เชลซียามนี้ยังไม่ดีพอที่จะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์    

สกอร์ที่คาด :    บาเยิร์น ชนะ 3-1 

เกมนี้แม้จะไม่ถูกเรียกว่าเป็นเจ้าถิ่น แต่บาเยิร์นดูจะได้เปรียบไม่น้อย จากการเล่นในสังเวียนที่พวกเขาคุ้นเคย ที่สำคัญคือแฟนบอลที่เข้าไปชมเกมนัดนี้ก็น่าจะมากกว่า เนื่องจากระบบโควตาการแจกตั๋วนัดชิงชนะเลิศ ที่ส่วนหนึ่งจะแบ่งให้แฟนบอลในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะตกอยู่กับแฟนบาเยิร์น

จะเป็นการทดสอบความเก่งกาจของสองทีมสองสไตล์ บาเยิร์นจะเดินเกมบุกเต็มพิกัดเข้าใส่เชลซี ที่น่าจะวางหมากมาเน้นเกมรัดกุม และรอจังหวะโต้เหมือนที่เล่นงานบาร์เซโลน่ามาแล้วในรอบรองฯ รูปเกมทั้งสองนัด เชลซียืนหลังพิงเชือกปล่อยให้บาร์เซโลน่าไล่ขยี้ แต่ก็อาศัยโชค+ฝีมือเอาตัวรอดมาได้ทั้งสองเกม

รูปเกมน่าจะออกมาแบบเดียวกับที่บาร์ซ่าดวลกับเชลซีในรอบรองฯ และหากเชลซีมีวาสนา และเล่นได้ตามแท็กติก พวกเขามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกสมัยแรกเช่นกัน ทีมเสือใต้อาจจะมีเกมรุกที่ดุดันน่ากลัวกว่า แต่ก็น่าเป็นห่วงที่เกมรับที่พร้อมเสียได้ตลอด เกมนี้หากการ์ดตกเดินเกมแบบไม่ระมัดระวังก็มีสิทธิ์จะโดนน็อคคาบ้านได้เช่นกัน ผู้มาเยือนที่มีดาวเตะอย่างดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่มักจะสร้างความแตกต่างในเกมสำคัญ เรียกได้ว่ามีไม้ตายที่ทำให้บาเยิร์นร่วงไปกองกับพื้น ทีมเยือนตั้งรับอย่างมีวินัย และใช้เกมโต้เหมือนกับดอร์ทมุนด์ อาจจะทำให้บาเยิร์นหลอนได้อีก

สกอร์ที่คาด เชลซี ชนะ 2-1